![]() |
| ปิยพร พยัฆพรม |
วิจัยมาตรฐานสมุนไพร
|
และด้านอื่นๆ ทำให้ ทุกคนต้องตื่นตัวและกระตือรือร้นกันตลอดเวลา เพื่อให้ชีวิตของตนเองนั้นอยู่รอด ได้ในสังคม ทำให้บางครั้งมีการปฏิบัติตนไม่ถูกต้องอยู่เสมอ เช่น นั่งทำงานบนเก้าอี้ทำงานตลอดทั้งวัน รีบเร่งในการรับประทานอาหาร ทำให้ไม่มีเวลาเลือกอาหารที่มีประโยชน์ ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่บนถนน และอยู่บนรถทำให้ขับถ่ายไม่เป็นเวลา ทำให้เกิดอาการท้องผูกอยู่เสมอ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองที่ก่อให้เกิด โรคริดสีดวงทวารเป็นจำนวนมาก ดังนั้นควรทำความรู้จักกันก่อนว่า โรคริดสีดวงทวารคืออะไร เกิดจาก อะไร มีทั้งหมดกี่ชนิด สามารถป้องกันและรักษาได้อย่างไรบ้าง เพศหญิงและเพศชาย โดยปกติอาการในระยะแรกจะไม่รุนแรง มักเป็นๆ หายๆ กล่าวคือ เป็นโรคที่ สามารถหายได้เองในระยะแรก แต่บางคนอาจมีการดำเนินของโรคมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งโดยปกติแล้ว คนที่มีการดำเนินของโรคมากขึ้นจะมีจำนวนไม่มากนักและมักกินเวลานานหลายปี ก่อนจะถึงระดับที่ รุนแรงจนกระทั่งต้องทำการรักษาโดยการผ่าตัด Veins) โป่งพองหรือขอด ทำให้มีอาการเจ็บๆ คันๆ ในระยะแรกและจะเพิ่มเป็นอาการเจ็บปวดใน ระยะหลัง โรคนี้มีอาการที่สำคัญ คือ เลือดออกขณะหรือหลังอุจจาระ เนื่องจากเมื่อหลอดเลือดโป่งพอง มากขึ้น การโป่งพองนี้จะทำให้การเสียดสีระหว่างอุจจาระกับเส้นเลือดที่โป่งพองมีมากขึ้นทำให้เกิด การแตกแยกเป็นแผลและเลือด ออกขณะและหลังถ่ายอุจจาระได้ ของช่องทวารหนักมี Internal Hemorrhoids Plexus ต่อกับ Superior Hemorrhoidal Vein เกิดการโป่งพองซึ่งโรคริดสีดวงทวารชนิดนี้มีความเจ็บปวดไม่มาก เนื่องจากบริเวณที่เกิดเป็นชั้น ใต้เยื่อเมือก ไม่ มีเส้นประสาทรับความรู้สึกปวด ![]() ใกล้ปากทวารหนัก ซึ่งมี External Hemorrhoids Plexus ผิวหนังรอบทวารหนักเกิดการโป่งพอง ซึ่งผิวหนังรอบทวารหนักมีเส้นประสาทรับความความรู้สึกปวด ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคริดสีดวงทวารภาย นอกนี้ จะรู้สึกเจ็บปวดมาก ได้ดังนี้ ในทวารหนักเวลาเบ่งถ่ายอุจจาระจะปรากฏว่ามีเลือดไหลออกมาด้วย ถ้ายิ่งท้องผูกเลือดจะไหลออก มามากขึ้นเพราะเกิดจากการเบ่งมากขึ้น ทำให้มีการเสียดสีกับหลอดเลือดที่มีการโป่งพองมากขึ้น แต่สามารถหดกลับเข้าไปข้างในเองได้เมื่อถ่ายอุจจาระเสร็จ กลับเข้าไปข้างในเองได้ ต้องอาศัยนิ้วช่วยดัน ความรุนแรงของโรคเป็นหลักในการรักษา และไม่ควรใช้ยาติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ยาที่ใช้ได้แก่ ยาทา ยารับประทาน ยาเหน็บ ยาฉีด ยาเพิ่มเส้นใย (เช่น psyllium, เมธิลเซลลูโลส) และต้องถ่ายอุจจาระอย่างน้อยวันละ 1 ครั้งเป็นประจำ เพราะท้องผูกเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคนี้มากกว่าสาเหตุอื่นๆ จะทำให้ระบบขับถ่ายทำงานเป็นปกติ ง่ายต่อการขับถ่ายและเป็นการลดการเสียดสีกับเส้นเลือดที่บริเวณทวารหนัก กล่าวถึงสมุนไพรชนิดหนึ่งที่สามารถรับประทานเพื่อรักษาโรคริดสีดวงทวารซึ่งเป็นการดีมากทีเดียว ถ้ามีสมุนไพรไทยที่มีประสิทธิภาพการรักษาใช้เองได้ในประเทศ เพื่อลดการนำเข้ายาที่รักษาโรค ดังกล่าวจากต่างประเทศ จึงทำให้หน่วยงานราชการหลายแห่งและนักวิจัยหลายท่านได้ให้ความสนใจ และศึกษาสมุนไพรชนิดนี้มากขึ้น ทั้งด้านประสิทธิภาพในการรักษาโรคริดสีดวงทวารและความเป็น พิษของสมุนไพรดังกล่าวทั้งในระยะเฉียบพลันและในระยะเรื้อรัง พบว่าสมุนไพรชนิดนี้มีความน่า สนใจมากทีเดียวในการใช้รักษาโรคริดสีดวงทวารเนื่องจากประสิทธิภาพในการรักษาใกล้เคียงกับ ยาแผนปัจจุบันที่ใช้รักษาโรคดังกล่าวและในการศึกษาพิษแบบเฉียบพลันพบว่าเป็นสมุนไพรที่มีความ เป็นพิษเฉียบพลันเพียงเล็กน้อยจนถึงไม่มีความเป็นพิษเลย แต่ยังต้องศึกษาต่อถึงพิษของสมุนไพร ในระยะเรื้อรังต่อไปซึ่ง สมุนไพรที่กล่าวถึงนี้คือ "เพชรสังฆาต" นั่งเอง ![]() ![]() แต่ละข้อจะมีใบเดี่ยว 1 ใบ ใบมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมหรือรูปไข่ ขนาดกว้าง 3-8 ซม. ยาว 4-10 ซม. ขอบใบหยักมน เนื้อใบค่อนข้างหนา ตรงข้ามใบมีมือเกาะ ดอกย่อยมีขนาดเล็กเป็นช่อออกตรง ข้างใบ กลีบดอกด้านนอกสีเขียวแกมเหลือง กลีบด้านในสีทองแกมเขียว ผลสดมีลักษณะกลมขนาด 6 มม. เลือดกำเดาไหล quercetin, keto- steroid, oxo-steroid, calcium oxalate crystal, carotene, vitamin C และยาสมุนไพร แต่ทางที่ดีที่สุดก็คือ พยายามป้องกันการเกิด โรคริดสีดวงทวารจะดีกว่า เพื่อลด ความทรมานจากการเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นเมื่อมีการเจริญของโรคริดสีดวงทวารไปในทางที่รุนแรง จนถึงขั้นต้องผ่าตัดหรือจี้หัวริดสีดวงทวาร แต่ถ้าไม่สามารถป้องกันการเกิดได้ กล่าวคือมีการ ดำเนินของโรคผ่านไปจนถึงขั้นรุนแรงแล้วและมีความจำเป็นต้องมีการรักษาโดยการผ่าตัดหรือจี้หัว ริดสีดวงทวารออกก็ควรจะเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลที่มีแพทย์ที่มีความรู้ความสามารถและเป็น โรงพยาบาลที่ได้รับมาตรฐานผ่านการรับรอง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยจากการรักษาพยาบาลแก่ ผู้ป่วยอย่างสูงสุด |




ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น